ไฟป่าที่โหมกระหน่ำทั่วแคนาดา ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจากภาวะโลกร้อน ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้โลกร้อนขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มากกว่าปีใดๆ ที่บันทึกไว้ ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกือบ 600 ล้านตัน ซึ่งเทียบเท่ากับ 88% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของเเคนนาดาจากแหล่งที่มาทั้งหมดในปี 2564 ตามรายงานของ Copernicus Atmosphere Monitoring Service ของสหภาพยุโรป (ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 600 ล้านตัน คิดเป็น 2.4 เท่าของคาร์บอนที่ปล่อยจากประเทศไทยทั้งปี 2565)
โดยไฟป่าได้กินพื้นที่ 76,000 ตร.กม. จากทางตะวันออกถึงตะวันตกของแคนาดา ซึ่งมากกว่าพื้นที่รวมกันของไฟป่าที่เคยเกิดขึ้นในปี 2559, 2562, 2563, และ 2565 ตามรายงานของศูนย์ควบคุมไฟป่าของแคนาดา ควันที่ลอยจากไฟป่าที่กำลังเกิดขึ้นกำลังสร้างม่านหมอกควัน และสร้างความกังวลเรื่องคุณภาพอากาศทั่วทั้งภูมิภาคเกรตเลกส์ และพื้นที่บางส่วนของภาคกลางและภาคตะวันออกของสหรัฐฯ โดยหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานของรัฐมิชิแกน เกรตเลกส์ ได้ออกประกาศเตือนคุณภาพอากาศของทั้งรัฐมิชิแกน ในขณะที่รัฐชิคาโก ได้จัดประเภทคุณภาพอากาศเป็น “ไม่ดีต่อสุขภาพ” โดยสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ
เป็นที่ทราบกันดีว่าป่าไม้ทำหน้าที่เป็นตัวกักเก็บคาร์บอน (Carbon Sink) ที่สำคัญของโลก ซึ่งเป็นการเก็บกักตามธรรมชาติ ทั้งในดิน ในกระบวนการสังเคราะห์แสง โดยมีการประเมินว่าพื้นที่ป่าไม้ทางตอนเหนือของแคนาดามีการกักเก็บคาร์บอนไว้มากกว่า 200 พันล้านตัน ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกหลายทศวรรษ แต่เมื่อเกิดไฟป่าที่โหมกระหน่ำทั่วแคนาดา ก็จะส่งผลให้มีการปลดปล่อยคาร์บอนบางส่วนสู่ชั้นบรรยากาศ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้จะเป็นตัวเร่งกระบวนการการเกิดภาวะโลกร้อนให้เร็วยิ่งขึ้น และส่งผลให้เพิ่มโอกาสการเกิดไฟป่ามากขึ้น
นอกจากควันไฟป่าจากแคนาดาจะลอยปกคลุมหลายพื้นที่ รวมถึงนครนิวยอร์กและนครโทรอนโตของสหรัฐฯ แล้ว ยังลอยข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปถึงยุโรป ซึ่งสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอังกฤษ ระบุว่า ควันไฟป่าจากแคนาดาลอยไปถึงอังกฤษแล้ว โดยปัจจุบันประชาชนมากกว่า 75 ล้านคนอยู่ภายใต้การประกาศเตือนสภาพอากาศย่ำแย่
🚩 แหล่งที่มาของข้อมูลและวิดีโอ:
---------------------------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Website: www.netzerotechup.com
Facebook: www.facebook.com/NetZeroTechup
Blockdit: www.blockdit.com/netzerotechup
Youtube: www.youtube.com/@netzerotechup
Comments