ปี 2022 จนถึงกลางปี 2023 ราคาคาร์บอนเครดิตมีความหลากหลาย ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามประเภทตลาด (Market Segment) และประเภทโครงการ (Project Category) โดยจากรายงาน “State and Trend of Carbon Pricing 2023” ของธนาคารโลก พบว่า ศูนย์ซื้อขาย (Exchange) จะใช้สัญญามาตรฐาน (Standardized Contract) เพื่อจัดกลุ่มคาร์บอนเครดิตตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องและสะดวกต่อการลงทุน แต่ผลกระทบอีกด้านคือการให้มูลค่าของคาร์บอนเครดิต
ทั้งนี้ หนึ่งในปัจจัยหลักอย่างคุณภาพโครงการซึ่งคุณภาพสูงและคุณภาพต่ำกว่าถูกจัดอยู่ในระดับเดียวกัน เป็นแรงกดดันด้านราคาให้ลดลงได้ ผู้ขายคาร์บอนเครดิตจึงหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อราคานี้โดยการซื้อขายแบบทวิภาค (Bilateral/Over-the-Counter) มากกว่าผ่านศูนย์ซื้อขาย โดย Ecosystem Marketplace ได้เก็บสถิติการซื้อขายผ่าน #OTC จากกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ราคาคาร์บอนเครดิตเฉลี่ยอยู่ประมาณ 6.83 เหรียญสหรัฐต่อตัน
คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (US$/tCO2eq)
✅️ โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาคาร์บอนเครดิตมาจากหลายปัจจัย เช่น ประเภทโครงการ (Project type) มาตรฐานการรับรองคาร์บอนเครดิต (Standard issuing) ปีที่เกิดกิจกรรมการลดก๊าซเรือนกระจกและรับรองคาร์บอนเครดิต (Vintage year) และผลประโยชน์ร่วม (Co-benefit) เป็นผลให้ราคาของเครดิตแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างมาก รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความพึงพอใจของผู้ซื้ออีกด้วย จากสถิติในปี 2022 พบว่า ราคาคาร์บอนเครดิตประเภท Removal มีราคาสูงกว่าประเภทอื่นอย่างเห็นได้ชัด (Price premium) ราคาอยู่ที่ 12-20 เหรียญสหรัฐ/tCO2eq ซึ่งตามรายงานการประเมินครั้งที่ 6 ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: #IPCC) ว่าด้วยการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกที่ 2 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่า จำเป็นต้องทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกประเภทดูดกลับด้วยเทคโนโลยี (Technological removal) ขนาดใหญ่ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำมาใช้และมีราคาต้นทุนสูงกว่าราคาคาร์บอนเครดิตที่มีการซื้อขายกันในตลาดที่เป็นอยู่มาก เช่น Carbon Capture and Storage (#CCS), Direct Air Capture and Storage (#DAC+S) อยู่ที่ช่วง 250-600 เหรียญสหรัฐ/tCO2eq ในขณะที่ราคาคาร์บอนเครดิตประเภทการกักเก็บคาร์บอนจากป่าไม้ การลดก๊าซเรือนกระจกจากพลังงานทดแทน ราคาซื้อขายจะต่ำกว่า 5 เหรียญสหรัฐ/tCO2eq
✅️ ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีและบริการใหม่ช่วยลดอุปสรรค ทำให้การเข้าถึงตลาดคาร์บอนของภาคส่วนต่าง ๆ สะดวกขึ้น จากการเติบโตของศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้เกิดกองทุนรวมดัชนี (Exchange Traded Fund) อาทิ KraneShares’ ETF ที่เน้นการลงทุนเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิตเท่านั้น (ประเทศสหรัฐอเมริกา, เม.ย. 22) ซึ่งในกองทุนใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นนี้มีส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนเงินลงทุนไปยังการพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจก หรือช่วยเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายคาร์บอนเครดิตทั้งตลาดแรกและตลาดรองอีกด้วย
🚩 แหล่งที่มาของข้อมูล: #TGO
Comments