การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายมากที่สุดที่มนุษยชาติต้องเผชิญ การแก้ปัญหานี้จำเป็นต้องมีการประสานงานระหว่างประเทศ องค์กร และบุคคล นอกจากนี้ยังต้องการเงินทุนจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของแนวคิดที่เรียกว่า "การเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" หรือ "Climate Finance"
🚩 Climate Finance 101
การเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หมายถึง กลไกการจัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อใช้ในกิจกรรมด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงกลไกการดำเนินการ ได้แก่ การเสริมสร้างศักยภาพ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เพื่อเปลี่ยนประเทศ เข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และมีความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยทั่วไปการจัดหาแหล่งเงินทุนให้แก่โครงการแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
✅️ การปรับตัว (Adaption)
การปรับตัวให้เข้ากับผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรวมถึงโครงการที่มุ่งลดความเปราะบางและผลกระทบด้านลบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากโครงการที่อาจเกิดขึ้น
✅️ การบรรเทาผลกระทบ (Mitigation)
การบรรเทาผลกระทบด้านลบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เหลือน้อยที่สุด เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (การลดคาร์บอน) และกำจัดออกจากชั้นบรรยากาศ (การกักเก็บคาร์บอน)
กลไกการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มักจะเกิดขึ้นผ่านการลงทุนโดยตรงและการอัดฉีดเงินสด แต่สามารถอยู่ในรูปแบบอื่นได้ เช่น วงเงินสินเชื่อหรือตราสารหนี้ เป็นต้น
🚩 แหล่งที่มาของแหล่งเงินทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โครงการและความคิดริเริ่มมากมายที่มีเป้าหมายเพื่อลดหรือปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตัวอย่างเช่น โครงการที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับปรุงระบบกริดไฟฟ้าเพื่อจัดการและจัดเก็บพลังงานในรูปแบบใหม่ สิ่งนี้ต้องการเงินทุนจำนวนมากในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุผล
กลไกการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนใหญ่มาจากแหล่งทุนเอกชนและรัฐบาล ความคิดริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมในพระราชบัญญัติการลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act: IRA) ที่เพิ่งผ่านไปเป็นตัวอย่างที่ดี
กองทุนส่วนบุคคล (Private Funds) มีบทบาทมากขึ้นในการสนับสนุนโครงการความคิดริเริ่มด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ บริษัทจัดการลงทุน ผู้จัดการบริหารความมั่งคั่ง ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันภัย กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ กองทุนบำเหน็จบำนาญเอกชน และนักลงทุนรายย่อย ล้วนมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อโครงการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยการให้ทุนสนับสนุนโดยตรงหรือกดดันให้บริษัทเอกชนเปลี่ยนแนวปฏิบัติทางธุรกิจ
🚩 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร
ธุรกิจในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจในประเทศและทั่วโลกอาจได้รับผลกระทบในทางลบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตามรายงานของ Deloitte การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพอากาศที่รุนแรงส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคเศรษฐกิจโลกถึงร้อยละ 70
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไรนั้นแตกต่างกันไปและโดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและภูมิภาค การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลายประการดังต่อไปนี้
✅️ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น
ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นคุกคามผู้คนและโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก รวมถึงเมืองขนาดใหญ่กว่า 136 แห่งที่มีความสำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศ คลังสินค้า โรงงาน สนามบิน และท่าเรือมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ซึ่งอาจจมอยู่ใต้น้ำในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ต้นทุนทางเศรษฐกิจของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นคาดว่าจะเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2593
✅️ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน
สภาพอากาศที่รุนแรง เช่น พายุเฮอริเคน ภัยแล้ง ไฟป่า และน้ำท่วม ทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักโดยทำให้การเดินทางล่าช้าและทำให้โครงสร้างพื้นฐานเสียหาย เช่น ถนน ท่าเรือ และสะพาน
✅️ ต้นทุนสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้น
การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศทำให้เกษตรกรเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผลได้ยากขึ้น ความท้าทายเหล่านี้สามารถลดประสิทธิภาพการผลิตและทำให้อุปสงค์มากกว่าอุปทาน ทำให้เกิดแรงกดดันด้านราคากับทุกสิ่งตั้งแต่อาหารหลักไปจนถึงพืชอุตสาหกรรม เช่น ฝ้ายและถั่วเหลือง
✅️ การเพิ่มขึ้นของค่าเบี้ยประกัน
คาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่รุนแรงบ่อยครั้งขึ้นจะทำให้ทรัพย์สิน ยานพาหนะ และห่วงโซ่อุปทานเสียหายเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้การจ่ายเพิ่มขึ้นของบริษัทประกัน ซึ่งจะส่งผ่านไปยังค่าเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้นทำให้ลูกค้าเป็นผู้แบกรับภาระค่าใช้จ่าย ตามรายงานล่าสุดโดย Capgemini และ Efma บริษัทประกันภัยได้ประสบกับผลกระทบเหล่านี้แล้ว ประมาณการว่าผู้เอาประกันภัยสูญเสียจากสภาพอากาศที่รุนแรงเพิ่มขึ้นประมาณ 250 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา
✅️ การขาดแคลนแรงงาน
หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ผู้คนประมาณ 1.2 พันล้านคน จะต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนที่เป็นอันตรายทั่วโลก ซึ่งอาจนำไปสู่การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในที่ทำงานเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมที่คนงานต้องสัมผัสกับสภาพเเวดล้อม เช่น การเกษตร อาจประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรงเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น
ผลกระทบเหล่านี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ทั่วโลก ตามรายงานปี 2020 โดย Commodity Futures Trading Commission (CFTC) GDP ของสหรัฐอเมริกาจะลดลง 1.2 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทุกๆ 1 องศาเซลเซียสที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส อาจมำให้ GDP ของโลกลดลงประมาณร้อยละ 7 ภายในปี 2100 นอกจากนี้ ตามการประมาณการของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ระบุว่าค่าใช้จ่ายในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศกำลังพัฒนาอาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 280 ถึง 500 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ภายในปี 2593
🚩 เหตุใดนักลงทุนจึงควรสนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดว่าจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลกในอีก 50 ถึง 100 ปีข้างหน้า ในขณะที่บางอุตสาหกรรมอาจมีการป้องกันมากขึ้นจากผลกระทบ แต่ธุรกิจทั้งหมดจะมีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อน
ดังนั้น นักลงทุนรายบุคคลและนักลงทุนสถาบันต้องพิจารณาความเสี่ยงเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจลงทุนเพื่อลดการขาดทุนและเพิ่มผลกำไรสูงสุด
การดูแลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้เป็นเพียงคำถามทางศีลธรรมเท่านั้น แต่มันเกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรงและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
🚩 สิ่งที่สามารถทำได้เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นักลงทุนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากการลงทุนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีทางเลือกไม่กี่ทาง
ประการแรก พวกเขาสามารถกำหนดเงินลงทุนให้กับบริษัทที่ดำเนินการเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตัวอย่างเช่น พวกเขาสามารถลงทุนเฉพาะในธุรกิจที่ให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หรือลดการใช้น้ำ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้พวกเขาสามารถให้รางวัลแก่บริษัทที่ดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับค่านิยมของพวกเขา ในขณะเดียวกันก็จะสามารถกดดันให้บริษัทอื่นๆ ต้องปฏิบัติตาม
นักลงทุนยังสามารถจัดสรรเงินทุนให้กับบริษัทที่ทำการวิจัย การสร้างและนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ช่วยต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศและพลังงาน หรือบริษัทด้านพลังงานหมุนเวียน
ท้ายที่สุด นักลงทุนสถาบันสามารถสนับสนุนโครงการด้านสภาพอากาศขนาดใหญ่ได้โดยการจัดหาเงินทุนที่จำเป็นเพื่อให้โครงการดังกล่าวสำเร็จลุล่วงหรือก้าวข้ามเส้นชัยได้
ดังนั้น ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด ความยั่งยืนในธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญต่อการอยู่รอดของโลกของเรา ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม คุณสามารถมีบทบาทในการต่อต้านผลกระทบด้านลบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอาจไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับปัญหาเร่งด่วนนี้ แต่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสร้างโลกที่ยั่งยืนมากขึ้น
🚩 แหล่งที่มาของข้อมูล:
---------------------------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Website: www.netzerotechup.com
Facebook: Net Zero Techup
Blockdit: www.blockdit.com/netzerotechup
Yorumlar